เรื่องสินสอดตามประเพณีไทยนั้นเกิดขึ้นจากกุศโลบายของคนเฒ่าคนแก่ในสมัยโบราณ เนื่องจากแต่เดิมนั้นฝ่ายหญิงและฝ่ายชายไม่มีโอกาสได้พบเจอกันมากนักการแต่งงานในสมัยก่อนมักจะเกิดจากการคลุมถุงชนเป็นหลัก ดังนั้นเพื่อเป็นหลักประกันไม่ให้ว่าที่เจ้าสาวเป็นหม้ายขันหมาก จึงมีการเรียก สินสอดทองหมั้น เป็นการป้องกันไม่ให้ฝ่ายชายทอดทิ้งการแต่งงาน การเรียกค่าสินสอดเกิดขึ้นหลังจากที่มีการทาบทามตกลงสู่ขอกันเรียบร้อยแล้วทางส่วนมากทางผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงจะมีการบอกกล่าวว่า "ขอเรียกค่าสินสอดตามความเหมาะสม" ในความหมายของคำว่าตามความเหมาะสมทางผู้ใหญ่ที่เป็นฝ่ายเจ้าบ่าวจะเข้าใจได้เองว่าควรเป็นเงินเท่าไหร่ และที่สำคัญเรื่องเงินสินสอดควรจะจบลงเมื่อมีการเปิดพานขันหมากในการสู่ขอกันแล้ว
ในทางกฏหมายสินสอด จะมีลักษณะสำคัญดังนี้
1. สินสอดต้องมีลักษณะเป็นทรัพย์สินเช่นเดียวกับของหมั้น
2. สินสอดต้องเป็นสิ่งที่ฝ่ายชายให้พ่อแม่หรือผู้ปกครองแก่ฝ่ายหญิง มิได้ให้แก่ตัวหญิงเองอย่างของหมั้น เจตนารมย์ของตัวกฏหมายมุ่งไปสู่ที่ตัวพ่อแม่และผู้ปกครองของฝ่ายหญิง หากหญิงไม่มีบุคลดังกล่าวอยู่แล้วแม้จะมีการตกลงกันให้มอบทรัพย์สินนั้นแก่หญิงเอง ก็ไม่สามารถทำให้ทรัพย์สินนั้นเป็นนั้นเป็นสินสอดไปได้ และสินสอดที่ตกลงมอบให้แก่กันนี้ไม่จำเป็นที่ต้องส่งมอบให้ฝ่ายหญิงในทันที่อย่างของหมั้นเพียงแต่ที่จะให้หรือจะนำมาให้ในภายหลังก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ทรัพย์สินดังกล่าวเป็นสินสอดที่ทำให้ฝ่ายหญิงมีสิทธิ์เรียกร้องได้
3. สินสอดต้องเป็นทรัพยืสินที่ให้เพื่อตอบแทนการที่ฝ่ายหญิงยอมสมรสด้วยซึ่งตรงนี้ต้องกินความถึงขนาดที่ต้องจดทะเบียนสมรสกันตามกฏหมาย แต่ไม่ใช่การให้แค่พ่อแม่ผุ้ปกครองของหญิงที่ยินยอมในกรณีที่ฝ่ายหญิงนั้นยังเป็นผู้เยาว์
- สินสอดเมื่อให้แล้วจะตกเป็นสิทธิ์ของพ่อแม่ ผุ้ปกครองในทันที่ ถึงแม้ชายหญิงนั้นจะยังไม่จดทะเบียนสมรสกันก็ตาม เพียงแต่ฝ่ายชายอาจเรียกสินสอดคืนได้ถ้าการสมรสรสยังไม่มีขึ้นเพราะฝ่ายหญิงเป็นต้นเหตุหรือเป็นเหตุ ฝ่ายหญิงจะต้องรับผิดชอบ ซึ่งกรณีนี้จะรวมไปถึงพ่อแม่ผู้ปกครองที่เป็นเหตุให้ไม่มีการสมรสเกิดขึ้น
- ถึงอย่างไรก็ตามชายหญิงจะทำการหมั้นหรือทำการสมรสกันโดยไม่ต้องมีสินสอดก็ได้ เพียงแต่ว่าหากมีการตกลงเรื่องสินสอดกันแล้ว พ่อแม่ผู้ปกครองฝ่ายหญิงมีสิทธิ์เรียกสินสอดดังกล่าวได้
** หมายเหตุ** จากลักษณะของสินสอดและของหมั้นในทางกฏหมายดังกล่าว ทำให้ทราบถึงข้อตกลงระหว่างสินสอดและของหมั้น ที่ฝ่ายชายมอบให้ทางครอบครัวของฝ่ายหญิง โดยกฏหมายได้ระบุรายละเอียดให้เข้าใจตรงกันตรงกันโดยยึดหลักจารีตประเพณี
***ที่มาผู้จัดการออนไลน์ 8 มีนาคม 2552 เครดิตภาพ Mittaneeyawedding / pjstudio